Anime & Novel『We Love It』

“ ตัวข้าได้ลงมายืนอยู่ ณ ก้นบึ้งแห่งนี้ ทั้งสองโลกจะเป็นเช่นไรข้าหาได้ใส่ใจไม่ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป ขอเพียงได้แก้แค้นก็พอแล้ว ”

Zetsune no Tempest: The Civilization Blaster อภิมหาบรรลัยกัลป์

ความเห็นส่วนตัวของผู้ Review

“ เฮ้ย ไอ้***เมิงลองดู Anime เรื่องนี้ดิ หนุกนะเหวย ”  

“ เรื่องอะไรของเมิงวะ? ไม่เห็นจะน่าดูเลย ”

   นั้นคือบทสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนที่ชวนผมให้มาดูเรื่องนี้ โดยอันที่จริงผมไม่เชื่อใจมันตั้งแต่ที่มันชวนให้ผมดู Guilty Crown และทิ้งให้ผมต้องจิตตกไประยะหนึ่ง แต่เรื่องนี้มันทำให้ผมต้องกลับมาเชื่อใจมันใหม่อีกครั้ง  โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวระหว่างเด็กหนุ่ม 2 คนที่มีแนวคิดแตกต่างกันแต่มีจุดหมายเหมือนกันคือการแก้แค้น โดยธีมของเรื่องจะอยู่กับการเดินทางของเด็กหนุ่มทั้ง 2 เวทมนต์ การเชื่อใจ ความลับ โดยมีฉากต่อสู้ที่สั้นแต่ก็เร้าใจใช่เล่น + ปริศนาที่ทำให้เรื่องน่าติดตาม เนื้อเรื่องจะออกแนวแก้แค้นไปสะส่วนใหญ่ในครึ่งแรก ส่วนในครึ่งหลังความลับ และปริศนาทั้งหมดจะถูกคลี่คลายโดยแลกกับการที่ฉากต่อสู้จะหายไปเลย โดย Highlight ของครึ่งหลังจะอยู่ที่ จอมเวทแห่งการล่มสลาย การตามหาตัวจริงแฟนสาวของโยชิโนะ และ ใครคือฆาตกรที่สังหาร ฟุวะ ไอกะ

 

คะแนนเพลง OP-ED 9/10

   ทุกเพลงมีความหมายดีและตรงกับเนื้อเรื่องในช่วงนั้นๆ อีกด้วย (ส่วนตัวชอบเพลงเปิด 2 )

คะแนนเพลงประกอบ Soundtrack 7/10

   เพลงประกอบคล้ายเพลงที่เล่นระหว่างดูพวกละครเวที โดยส่วนใหญ่จะออกแนวเศร้าๆเล็กน้อย

 

คะแนนเนื้อเรื่องครึ่งแรก 8/10

   ในครึ่งแรกจะมีฉากต่อสู้ที่เร้าใจ การย้อนอดีตเพื่อไปเฉลยความสัมพันธ์ตัวละครค่อนข้างเยอะโดยจะไปน่าเบื่อก็ช่วงก่อนจบครึ่งแรกเพียงเท่านั้นเอง

คะแนนเนื้อเรื่องครึ่งหลัง 7/10

   ไม่แตกต่างจากครึ่งแรกสักเท่าไหร่ แต่ที่หายไปคือฉากต่อสู้ที่น้อยมาก แต่ทดแทนด้วยฉากจบที่สมบูรณ์แบบแทน

 

สรุป

   เดินเรื่องได้ยอดเยี่ยมมีการอธิบายความสัมพันธ์ของตัวละครตลอดไม่น่าเบื่อจนเกินไป มีฉากต่อสู้ที่เรียกว่าอลังการก็ได้ถึงแม้จะสั้น และน้อยไปนิดแต่ก็มีฉากต่อสู้ด้วยความคิด และแผนการมาทดแทน และมีการย้อนอดีตระหว่างเดินเรื่องอยู่ดั่งนั้นต้องตั้งใจสังเกตนิดหน่อยกันงง  และมีการอ้างอิงคำพูดจากนิยายของ William Shakespeare คือเรื่อง Hamlet และ The Tempest อยู่ประปราย (ซึ่งผมก็ไปหาซื้อหลังจากที่ดูอนิเมะไปได้สักพัก 555+)  เอาเป็นว่าใครชอบอนิเมะเนื้อเรื่องยาว และจบแบบสมบูรณ์ไม่มีต่อซีซั่น 2 ก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลย