• Aldnoah.Zero สงครามนองเลือดไร้สิ้นสุด


    LET JUSTICE BE DONE , THOUGH THE HEAVENS FALL.

    จงประสาทความยุติธรรม แม้ฟ้าจะถล่มก็ตามที.



    Aldnoah.Zero

    สงครามนองเลือดไร้สิ้นสุด



    ประเภท : Action Sci-Fi , Tactical War

    ผลิดโดย : A-1 Pictures + TROYCA

    Original Story By : Olympus Knights

    Original Creator By : Gen Urobuchi (หรือจอมมารเก็นที่เรารู้จักกันนั่นละ)

    Director : Ei Aoki

    Character Concepts : Takako Shimura

    Music Theme Song : Sawano Hiroyuki

    จำนวน : 24 ตอน 

    OP-ED Theme : OP1 Heavenly blue – Kalafina

                          OP2 &Z – Sawano Hiroyuki

                          ED1 AZ – Sawano Hiroyuki

                          ED2 aLIEz – Sawano Hiroyuki

                          ED3 Genesis – Eir Aoi

                          ED4 Harmonious  Asseylum Vers Allusia (CV. Amamiya Sora)




    เนื้อเรื่องย่อ          


        ในปี 1972 ปฏิบัติการของยานอพอลโล 17 ได้ค้นพบรูหนอนบนดวงจันทร์ที่เชื่อมต่อไปยังดาวอังคาร จึงทำให้มนุษย์บางส่วนอพยพไปตั้งถิ่นฐานยังดาวอังคาร และในเวลาต่อมาได้เกิดความขัดแย้งกับชาวโลกขึ้น หลังจากนั้นในปี 1999 ได้เกิดสงครามระหว่างมนุษย์โลกกับชาวดาวอังคาร เพราะการสู้รบทำให้ทางเชื่อมที่ดวงจันทร์ถูกทำลายลงจนไม่สามารถติดต่อกันได้อีก สงครามจึงยุติลงหลังจากนั้นก็ได้เรียกเหตุการณ์นั้นว่า "HEAVENS FALL"


       15 ปีต่อมา การมาเยือนของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักร Vers ส่งผลให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น ทำให้สงครามที่ยุติมานานปีได้อุบัติขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง.



    ตัวละครหลัก


    ไคซึกะ อินาโฮะ – เด็กหนุ่มชาวโลกผู้มีนิสัยพูดน้อย และทำหน้านิ่งตลอดเวลา อาศัยอยู่กับพี่สาว 2 คน เป็นคนที่ใช้ความคิด และการวางแผนได้อย่างยอดเยี่ยมจนไม่สมกับเป็นแค่นักเรียนฝึกหัดของโรงเรียนทหารสังกัดกองทัพโลกสักเท่าไหร่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงแห่งเวิร์สเค้าก็ได้พบกับ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า เซรัมกับเด็กสาวตัวน้อยอีกหนึ่งคน หลังจากนั้นเค้าก็ได้ช่วยเหลือเธอกับเหล่าเพื่อนๆ จากการโจมตีของเวิร์สจนหนีรอดไปได้อย่างปลอดภัย หลังจากได้สมัครเข้ากองทัพเค้าได้รับยศร้อยตรี และเป็นนักบินคาตาฟลักส์ของกองทัพโลก



    สเลน ทรอยยาร์ด ชาวโลกผู้ที่เติบโตบนดาวอังคาร ถูกเหล่าอัศวินวงโคจรดูถูกเหยียดหยามมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เจ้าหญิงอัสเซลัมเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รังเกียจเค้า และยังชอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับโลกจากสเลนอีกด้วย ในใจลึกๆ สเลนได้แอบชอบเจ้าหญิงอัสเซลัมมานานแล้ว แต่เนื่องจากความแตกต่างทางด้านฐานะนั่นเอง ทำให้เค้าไม่สามารถบอกความรู้สึกที่ในใจออกไปได้



    อัสเซลัม เวิร์ส อัลลูเซีย – เจ้าหญิงอันดับ 1 แห่งอาณาจักรเวิร์ส หลังจากเสด็จมาเยือนโลกก็ถูกลอบปลงพระชนม์โดยชาวเวิร์สด้วยกันเอง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการบุกโจมตีโลก แต่เธอก็ยังสามารถรอดชีวิตมาได้ จึงปลอมตัวเป็นสามัญชนเข้าไปปะปนกับกลุ่มผู้อพยพชาวโลก จนได้พบกับอินาโฮะ เธอได้รับความช่วยเหลือในการหลบหนีไปพร้อมกับกลุ่มผู้อพยพชาวโลกจนปลอดภัย


     

    เอ็ดเดลริทตูโอ้ – เด็กสาวผู้เป็นข้ารับใช้ประจำตัวขององค์หญิงอัสเซลัมเธอได้ติดตามเสด็จมาที่โลกพร้อมกับองค์หญิงอัสเซลัม และได้รับความช่วยเหลือจากอินาโฮะในการหลบหนีไปพร้อมกับองค์หญิงอัสเซลัม



    อามิฟูมิ อิงโกะ – เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของอินาโฮะ และยังเป็นนักเรียนฝึกหัดของโรงเรียนทหารสังกัดกองทัพโลกที่เดียวกันกับอินาโอะอีกด้วย เธอได้แอบชอบอินาโฮะมานานแล้วแต่ไม่กล้าบอกความในใจกับเค้า ทำให้เป็นได้แต่เพียงเพื่อนสนิทเท่านั้น หลังจากได้สมัครเข้ากองทัพเธอได้รับยศพันจ่าตรี และเป็นนักบินคาตาฟลักส์ของกองทัพโลก



    คาล์ม คราฟ์แมน – เพื่อนร่วมชั้นของอินาโฮะ เก่งเรื่องเครื่องยนต์กลไก และยังเป็นนักเรียนฝึกหัดของโรงเรียนทหารสังกัดกองทัพโลกเช่นเดียวกัน หลังจากได้สมัครเข้ากองทัพเค้าได้รับยศพันจ่าตรี และได้รับหน้าที่เป็นวิศวกรประจำยานรบดิวคาเลี่ยนของกองทัพโลกอีกด้วย



    นีน่า ไคลน์ – เพื่อนร่วมชั้นของอินาโฮะ และเป็นเพื่อนสนิทของอิงโกะอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นนักเรียนฝึกหัดของโรงเรียนทหารสังกัดกองทัพโลกเช่นเดียวกัน หลังจากได้สมัครเข้ากองทัพเธอได้รับยศพันจ่าตรี และเป็นนายทายเรือประจำยานรบดิวคาเลี่ยนของกองทัพโลกอีกด้วย



    ไรเอท อารีอาช – ลูกสาวของผู้ก่อการร้ายที่หวังจะลอบปลงพระชนม์เจ้าหญิงอัสเซรัม พ่อของเธอถูกสังหารต่อหน้าต่อตาโดยทหารของเวิร์ส ในขณะที่กำลังหลบหนีได้ถูกพวกยูกิช่วยเหลือ และถูกพาเข้ากลุ่มผู้อพยพในภายหลัง หลังจากได้สมัครเข้ากองทัพเธอได้รับยศพันจ่าตรี และเป็นนักบินคาตาฟลักส์ของกองทัพโลก



    ไคซึกะ ยูกิ – พี่สาวของอินาโฮะ เป็นครอบครัวคนสุดท้ายของอินาโฮะที่เหลืออยู่ เธอเป็นห่วงน้องชายเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้น้องชายต้องเข้าร่วมสงคราม และเธอ เข้าเป็นทหารของกองทัพโลก เพราะเธออยากปกป้องอินาโฮะจากสงครามอันโหดร้ายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันยศพันจ่าเอก และเป็นนักบินคาตาฟลักส์ของกองทัพโลก



    โคอิจิโร่ มาริโตะ – ครูฝึกประจำโรงเรียนฝึกทหารของอินาโฮะ เป็นโรคกลัวสงครามเพราะเหตุการณ์บางอย่างในอดีต ปัจจุบันยศร้อยเอก 



    ดาร์ซาน่า แม็กบาเรจ – นายทหารสัญญาบัตรยศนาวาเอกของกองทัพโลก มีความสนใจในตัวมาริโตะ เธอได้เข้าช่วยเหลือในภารกิจอพยพประชาชนออกจากเมืองในช่วงแรกของสงครามอีกด้วย ปัจจุบันเธอเป็นกัปตันของยานรบดิวคาเลี่ยนของกองทัพโลก



    มิซึซากิ คาโอรุ – นายทหารสัญญาบัตรยศนาวาโทของกองทัพโลก เป็นรองกัปตันของยานรบดิวคาเลี่ยนของกองทัพโลก เธอสนิทกับแม็กบาเรจ และค่อยช่วยเหลือแม็กบาเรจมาโดยตลอด เธอชอบโดนแม็กบาเรจแซวเรื่องที่ไม่มีแฟนหรือไม่มีคนมาจีบอยู่เป็นประจำ




    อธิบายคำศัพท์เฉพาะ และอุปกรณ์ต่างๆ


    พลังอัลโนอาห์ หรือ อัลดูนัวร์ไดรฟ์


       เป็นพลังที่จักรพรรดิพระองค์แรกของเวิร์สค้นพบบนดาวอังคาร ซึ่งพลังนี้มีเอาไว้ใช้เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนคาตาฟลักส์ของฝั่งดาวอังคาร โดยสามารถสืบทอดได้ทางรหัสพันธุกรรม (ผมไม่แน่ใจว่าทำไมแค่จูบก็สามารถสืบทอดพลังได้ ผมเองยังเรียนไม่ถึงจุดที่สามารถตอบได้ว่าจูบนั้นสามารถถ่ายทอดพันธุกรรมบางส่วนได้ด้วย) 

       โดยผู้ที่สืบทอดพลังโดยตรงสามารถ เปิด-ปิด อัลดูนัวร์ไดรฟ์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของคาตาฟลักส์ฝั่งดาวอังคารได้ตามใจชอบ แต่ถ้าเกิดผู้ที่เป็นคนเปิดใช้อัลดูนัวร์ไดร์ฟเสียชีวิต อัลดูนัวร์ไดรฟ์ก็จะหยุดทำงานไปพร้อมกับเจ้าตัวด้วย


    DEUCALION


    หมายเหตุ – ยานรบรบดิวคาเลี่ยนของกองทัพโลกก็ใช้อัลดูนัวร์ไดรฟ์เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนยานด้วยเช่นกัน




    คาตาฟลักส์  

       เป็นหุ่นยนต์ของฝั่งดาวอังคารและโลก โดยคาตาฟลักส์ของดาวอังคารจะมีคุณภาพที่สูงกว่าของโลกเป็นอย่างมากอีกทั้งยังมีหลากหลายรูปแบบแทบจะไม่ซ้ำกันเลย แต่ทางฝั่งโลกเกือบ 100% จะเป็นรุ่น KG-7 Areion ซึ่งเป็นคาตาฟลักส์หลักของกองทัพโลก


    คาตาฟลักส์ฝั่งโลก KG-6 Sleipnir

    คาตาฟลักส์ฝั่งดาวอังคาร THARSIS

    คาตาฟลักส์ฝั่งโลก KG-7 Areion

    คาตาฟลักส์ฝั่งดาวอังคาร Nilokeras

    คาตาฟลักส์ฝั่งดาวอังคาร Argyre

    คาตาฟลักส์ฝั่งดาวอังคาร DIOSCURIA




    Analytical Engine (อานาลิติคัลท์ เอนจิ้น)

       ตาข้างซ้ายของอินาโฮะ (Season 2) เป็นสมองจักรกลในรูปแบบของตาเทียม เชื่อมต่อโดยตรงกับสมองมีความสามารถเทียบเท่าหรือมากกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังมีความสามารถในกระบวนการวิเคราะห์ที่สูงมาก
       
    ซึ่งมันสามารถสร้างแผนที่แบบโฮโลแกรมได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหรือจะพูดง่ายๆ ก็คือมีความสามารถรอบด้านที่สูงกว่าสมองจักรกลรุ่นเก่าๆ ที่มนุษย์โลกเคยสร้างมา แต่ก็มีค่าแลกเปลี่ยนที่มากมายเช่นกัน เพราะมีผลกระทบค่อนข้างรุนแรงโดยจะส่งผลโดยตรงไปที่สมองทำให้สมองได้รับภาระมากเกินไปถ้าใช้มากๆ อาจจะถึงขั้นเซลล์สมองเสียหายหรือเสียชีวิตได้ 

    ปล. ความสามารถนี้ให้เดาคงได้ไอเดียมาจาก เทพโอดินที่ดื่มน้ำจากบ่อน้ำพุแห่งปัญญามินิสบรุนร์ แล้วได้รับความรู้อันยิ่งใหญ่มา โดยแลกกับตาข้างซ้ายของตนเอง



    ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

    “Let Justice be done  แค่ไหนถึง จะเรียกว่า Let Justice be done”  

       ผมกลับมาดูอนิเมะแนวหุ่นยนต์อีกครั้งหลังจากไม่ได้ดูมานาน เพราะเสน่ห์ของเรื่องนี้ที่เป็นแนวแอคชั่น และการวางแผนการรบที่เป็นหลักการ ไม่ใช่แนวที่พระเอกได้หุ่นเทพ แต่มุทะลุ บ้าพลัง และพาเพื่อนไปหาความฉิบหาย อีกอย่างนึงที่ทำให้ผมกลับมาดูนั้นก็เพราะ จอมมารเก็นได้มาเขียนบท และวางโครงเรื่องให้ (แต่รู้สึกว่าจะเขียนบทให้แค่ 3 ตอนแรกเท่านั้น) หากใครที่รู้จักจอมมารเก็นก็คงรู้ว่าผลงานที่ผ่านๆ มาไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว (แต่ที่น่าทึ่งที่เป็นความบังเอิญหรือเป็นเพราะพรหมลิขิตก็ไม่ทราบเรื่อง Fate/Zero และ Aldnoah.Zero ทั้งสองเรื่องได้วง Kalafina มาร้องเพลง Opening Theme ให้ในซีซั่นที่ 1 เหมือนกันแถมยังมีชื่อเรื่องลงท้ายคำว่า Zero เหมือนกันอีกต่างหาก) 

        โดยซีซั่นที่ 1 นั้นสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากนักดูอนิเมะทั้งวงการ ด้วยความที่มีเนื้อหาที่น่าติดตามในแต่ละตอน และไม่สามารถโดนสปอยได้เพราะเป็น อนิเมะออริจินัล ทำให้ไม่มีทางที่จะโดนสปอยได้หากตอนใหม่ยังไม่ฉาย ทำให้มีความน่าติดตามมากเป็นพิเศษ แต่เมื่อถึงตอนจบของซีซั่นที่ 1 ผมเชื่อว่าทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ต้องมีความรู้สึกอึ้ง!! ทึ่ง!! งง!! กันเป็นแถวๆ แล้วก็ตามด้วยการประกาศทำซีซั่นที่ 2 ต่อเลยอีกต่างหาก 

       ทั้งๆ ที่รางวัลอนิเมะยอดเยี่ยมแห่งปีคงไม่หนีไปไหน แต่ซีซั่นที่ 2 กลับกลายเป็นจุดพลิกผันทำให้เรื่องนี้เรตติ้งตกจนน่าตกใจเพราะ จากสงครามระหว่างโลกกับดาวอังคารกลับกลายเป็นการตบตีแย่งผู้หญิงกันซะอย่างงั้น ถึงแม้ว่าจะมองอีกมุมหนึ่งว่าแย่งผู้หญิงเพื่อหวังผลให้สงครามยุติลง และจากการโปรโมทที่ว่าธีมหลักในการรบก็คือ นอกโลกกลับกลายว่ามีฉากรบนอกโลกแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น แถมยังมาเร่งเนื้อหาให้จบไวในช่วงท้ายๆ ซีซั่นอีกด้วย ทำให้รางวัลอนิเมะยอดเยี่ยมแห่งปีตกไปอยู่กับอนิเมะที่แรกๆ คนสนใจน้อยมากๆ แต่เรตติ้งกลับพุ่งกระชูดขึ้นในซีซั่นที่ 2 อย่างเรื่อง Shigatsu wa Kimi no Uso ชื่อภาษาไทยก็คือ เพลงรักสองหัวใจ นั้นเอง 

       เอาเป็นว่าถึงแม้ฉากจบจะไม่ถูกใจใครหลายๆ คนนัก แต่สำหรับผมแล้วถือว่าเป็นฉากจบที่พอรับได้ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แนวคอมเมดี้ที่พระนางจะสมหวังกันตลอด ขอแค่ไม่ให้ตัวละครหลักตายผมก็พอใจแล้ว 
     

    คะแนนเนื้อเรื่อง  8/10

       มาตกม้าตายในช่วงท้ายแค่นั้นเองครับสำหรับเรื่องนี้ เพราะมาเร่งเนื้อหามากเกินไปจนปริศนาที่ค้างคาเอาไว้ก็ไม่ได้รับการเฉลย แต่เอาเถอะเพราะปริศนาก็ไม่ได้สลักสำคัญเสียเท่าไหร่


    คะแนนเพลง OP-ED 9/10

       แต่ละเพลงมีความหมายที่ตรงกับเนื้อเรื่องทั้งนั้นเลย ผมชอบที่สุดก็คงไม่พ้นเพลง AZ และ &Z ส่วนเหตุผลก็คงเพราะอาจารย์ Sawano เป็นคนแต่งทั้ง 2 เพลงนี้ และความหมายของเนื้อเพลงที่อาร์ตสะเหลือเกิน (เพลงอื่นก็อาร์ตนะแต่ผมชอบ 2 เพลงนี้ที่สุดแล้วล่ะ)

    คะแนนเพลง Soundtrack 10/10

       Sawano Hiroyuki อาริกาโตะโกไซมาสสสสสสสสสส ~ ไม่ผิดหวังเลยที่ได้คนๆ นี้มาทำเพลงประกอบให้ ฉากที่ผมชอบที่สุดคือ ฉากต่อสู้ของตอนที่ 3 ฉากที่อินาโฮะปะทะสเลน ในซีซั่นที่ 2 ตอนที่ 2 และฉากที่ผมเสียดายที่สุดคงไม่พ้นฉากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของอินาโฮะและสเลนที่ไปใช้เพลง Keep on Keeping On แทนที่จะใช้เพลง No differences ที่มีความหมายตรงกับเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนนี้ แต่มองอีกมุมที่ใช้เพลง Keep On Keeping On ก็คงเพราะเป็นเพลงที่ใช้ตอนที่อินาโฮะและสเลนร่วมมือกันสู้เป็นครั้งแรกนั้นเอง

    การเก็บรายละเอียด 8/10

       ก็มีการเผาบ้างเป็นเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ไม่มีปัญหา เพราะ Aniplex เองก็เป็นค่ายที่ทำผลงานเป็นรองแค่เกียวอนิเท่านั้น (ตามความรู้สึกของตัวผม)


    คะแนนรวมทั้งหมด 8.5/10

     

    สรุป

       หากต้องการอนิเมะเรื่องยาวๆ แนวสงคราม ขับหุ่น คงตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่น่าผิดหวังตรงซีซั่น 2 เพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังคงไม่มีการประกาศ LC ใดๆในประเทศไทย แต่ส่วนตัวผมอยากให้ DEX ได้ LC มา หรือ REC ก็ได้ เอาเป็นว่าจบดีกว่าเรื่อง VVV เป็นไหนๆ ถือว่าสุดยอดแล้วสำหรับอนิเมะเรื่องนี้ สุดท้ายนี้ผมก็ขอมอบนิยามของเรื่องนี้ให้ก็แล้วกัน  


      หากสงครามมันได้เริ่มด้วยลมปากของผู้หญิงคนหนึ่ง มันก็สามารถจบได้ด้วยลมปากของผู้หญิงคนเดิมได้เช่นกัน






    บทความนี้เขียน โดย @[bAz]
    ตรวจทาน และอัพขึ้นเว็บไซต์ โดย @หมี


    Anime & Novel『We Love It』
























  • Kyoukai no Kanata อีกฝั่งฟากของเขตแดน


    ไม่ชอบใจเลยค่ะ



    Kyoukai no Kanata

    อีกฝั่งฟากของเขตแดน


    ประเภท : Dark Fantasy

    ผลิตโดย : Kyoto Animation (ดัดแปลงมาจาก Light Novel)

    จำนวน : 12 ตอน + 1 OVA

    ถือครองลิขสิทธิ์ในไทยโดย : REC (ROSE ENTERTAINMENT CORPORATION)

    เพลง OP – ED : OP Kyoukai no Kanata - Chihara Minori

                          ED Daisy - STEREO DIVE FOUNDATION





    เนื้อเรื่องย่อ

       คันบาระ อากิฮิโตะ เด็กหนุ่มผู้ชื่นชอบแว่น และสาวแว่นเป็นชีวิตจิตใจ และยังเป็นลูกครึ่งโยมุ (ภูติ) โดยเขาได้ตัดสินใจเข้าไปห้ามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังพยายามจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่พอเขาขึ้นไปห้ามกลับโดนเด็กผู้หญิงคนนั้นแทงด้วยดาบที่เป็นสีแดงสดเหมือนเลือด และได้ทราบในภายหลังว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของตระกูลต้องสาป และเป้าหมายของเธอคืออะไรกันแน่?  เมื่อทั้งสองคนซึ่งเป็นผู้ที่ต่างโดนผู้คนรังเกียจได้มาพบกัน โลกของทั้งสองก็ได้เปลี่ยนไป.

     

    ตัวละครหลัก



    คันบาระ อากิฮิโตะ – เด็กหนุ่มนักเรียนชั้นมัธยมปลายปี 2 ตัวเอกของเรื่องเนื่องจากเค้ามีสายเลือดครึ่งหนึ่งเป็นภูติ ทำให้มีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ไวจนเกือบจะเรียกว่า อมตะ เลยก็ว่าได้ อยู่ชมรมวรรณกรรมชื่นชอบแว่น และสาวแว่นเป็นที่สุด.



    คุริยามะ มิไร – เด็กสาวนักเรียนมัธยมปลายปี 1 เป็นนักปราบภูติ และเป็นนักปราบภูติคนสุดท้ายของตระกูลต้องสาปที่มีความสามารถในการควบคุมโลหิตให้เป็นอาวุธได้ แต่เพราะพลังที่ทรงพลังราวกับคำสาป ทำให้เธอโดนผู้คนรังเกียจมาโดยตลอด เธอได้เข้าร่วมชมรมวรรณกรรมในภายหลัง มีงานอดิเรกคือ ดูแลต้นบอนไซ และชอบอัพบล็อกเกี่ยวกับสิ่งที่เธอไม่พอใจ.

     

    นาเสะ มิทสึกิ  นักเรียนชั้นมัธยมปลายปี 2 ประธานชมรมวรรณกรรม ชอบอยู่กับอากิฮิโตะในห้องชมรม 2 ต่อ 2 อยู่บ่อยครั้ง เธอชอบคุยกับอากิฮิโตะไม่พอยังชอบแกล้งเค้าเป็นอย่างมาก โดยเธอและพี่ชายของเธออยู่ในตระกูลนักปราบภูติที่โด่งดัง และมีหน้าที่ในการจับตาดูอากิฮิโตะ แต่ความรู้สึกส่วนใหญ่จะกล้ายเป็นความเป็นห่วงเป็นใยอากิฮิโตะแทน โดยความจริงแล้วเธอเป็นสาวสาย S ไม่ว่าจะทางคำพูดหรือการใช้กำลัง.

     

    นาเสะ ฮิโรโอมิ  นักเรียนชั้นมัธยมปลายปี 3 พี่ชายของมิทสึกิ เป็นซิสค่อนอย่างแท้จริง และชอบแซวน้องสาวของเค้าเป็นงานอดิเรก ในอดีตเคยมีปัญหากับอากิฮิโตะ แต่ปัจจุบันสนิทกันดี และเนื่องจากพลังในการปราบภูติของเขามีผลข้างเคียงทำให้เขามีประสาทสัมผัสกับความเย็นง่ายมาก ทำให้ต้องสวมผ้าผันคออยู่เสมอ.


    ตัวละครอื่นๆ









    ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน

       “เกียวอนิไม่ว่าจะทำอนิเมะเรื่องไหนยังไงก็สนุก   ถือว่าเป็นคำที่ไม่เกินความจริงเลยแม้แต่น้อยเพราะผลงานต่างๆ ที่ผ่านมานั้น ได้ตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบดูอนิเมะล้นหลาม สำหรับเรื่อง Kyoukai no Kanata นี้ได้ถูกดัดแปลงจากฉบับนิยายที่ส่งเข้าประกวดของเกียวอนิเค้า โดยเรื่องนี้ได้อันดับ 2 ในรายการนั้น (อันดับ 1 คือเรื่อง Chuunibyou demo koi ga shita นั่นเอง) โดยเกียวอนิได้นำเนื้อหามาเรียบเรียงใหม่ในบางส่วน และเติมแต่งเนื้อหาบางส่วนเข้าไปด้วย ทำให้คนที่เคยอ่านตัวฉบับนิยายมาก่อนแล้ว สามารถดูอนิเมะได้อย่างสนุกไม่น่าเบื่อเช่นกัน (เกียวอนินั้นค่อนข้างเก่งเรื่องการนำเนื้อหาของตัวฉบับนิยายมาเรียบเรียงใหม่ โดยผลงานที่นำเนื้อหามาเรียบเรียงใหม่ยกตัวอย่าง เช่น Hyouka , Chuunibyou demo koi ga shita เป็นต้น) 


       โดยจุดเด่นของอนิเมะเรื่องนี้คงอยู่ที่ตัวนางเอกแน่นอน สาวแว่นที่เป็นนางเอกเป็นอะไรที่หายากมาก (555+) (ส่วนตัวผมชอบมิทสึกิมากกว่า) ทำให้หนุ่มๆ ที่มีรสนิยมเหมือนพระเอกเรื่องนี้คงคล้อยตามได้ไม่ยากนัก สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครถือว่าเป็นเรื่องที่เกียวอนิสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างเด่นชัด ทำให้คนดูสามารถรับรู้ได้ว่าขณะนั้นตัวละครกำลังอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกอะไรอยู่ + กับการที่ทางเกียวอนิสามารถเรียบเรียงเนื้อหาได้ดีเยี่ยม ทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครสามารถพัฒนาไปได้อย่างไม่มั่วซั่ว และสุดท้ายฉากจบที่เรียกน้ำตาคนดูได้ และปลอบใจคนดูไปด้วยถือได้ว่าเป็นฉากจบที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติกันเลยทีเดียว

       แต่สุดท้ายก็ยังไม่สมบูรณ์เมื่อตอนนี้เกียวอนิได้สร้างตัวอนิเมะโรงที่มีชื่อว่า
    Kyoukai no Kanata : I Be Here. ที่มีด้วยกันทั้ง 2 พาทซึ่งเป็นเนื้อเรื่องต่อจากในอนิเมะเรื่องนี้.

     

    คะแนนเนื้อเรื่อง  9.5/10

       สมกับเป็นเกียวอนิ ที่สามารถนำเอาเนื้อหาในฉบับนิยายมาเรียบเรียงใหม่ให้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทำให้คนที่อ่านตัวฉบับนิยายมาแล้วก็ยังสามารถดูได้โดยไม่เบื่อ.



    คะแนนเพลง OP-ED 10/10

       เพลงเปิดมีความหมายที่แสดงให้ถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่ออกเดินทางพร้อมกับคนที่เธอรัก และเชื่อใจ โดยถึงแม้เธอจะหลงทาง (หลงทางในที่นี้น่าจะหมายถึงหลงผิดนั้นเอง) แต่ก็จะมองหาคนที่เธอรักจนเจอให้ได้ และก้าวเดินไปพร้อมกันอีกครั้ง

       ส่วนเพลงปิดมีความหมายค่อนข้างคล้ายในเพลงเปิดแต่เป็นมุมมองของฝ่ายชายบ้าง โดยเพลงต้องการจะสือว่า ถึงแม้เธอจะทำผิดพลาดมาโดยตลอดแต่เค้าก็ยังจะเลือกที่จะไม่ทิ้งคนรักของเค้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร และจะค่อยย้ำคนรักเสมอว่า “ I never say Goodbye” ก็เป็นอย่างงี้ตลอดนี่น่า.

     

    คะแนนเพลงประกอบ Soundtrack 9/10

       ถือว่าสมคำร่ำลือสำหรับเกียวอนิ แน่นอนต้องใส่ใจทุกรายละเอียดรวมถึงเพลงประกอบฉากต่างๆ ที่เหมาะสมกับเหตุการณ์นั้นๆ ว่าในขณะนั้นกำลังมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอยู่.

     

    คะแนนการเก็บละเอียด 10/10

       สำหรับเกียวอนิการที่จะหาจุดที่เผางานนั้นหายากยิ่งกว่าอะไร ถึงแม้ว่าเรื่องสวนสนุกหรรษาเจ้าหญิงโลลิกับเลขาสุดคูลจะแอบมีการเผาบ้าง แต่เรื่องนี้แถบจะหาจุดเผาไม่เจอเลย.

     

    คะแนนรวม 9.5/10

       คงไม่ต้องพูดอะไรมากโดยรวมถือว่าเกียวอนิ สามารถทำออกมาได้ดีจะมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง สำหรับใครที่กำลังหาอนิเมะสนุกๆ ดูอยู่ผมขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ รับรองคุณจะไม่ผิดหวัง.



    สรุป

       ขอสรุปสั้นๆ เลยละกัน ถือว่าเป็นอนิเมะอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด ถึงแม้จะไม่มีฉากเซอร์วิสที่เป็นทุนนิยมอยู่ในช่วงนี้ แต่ถือว่าเป็นอนิเมะที่ยังคงตราตึงใจสำหรับหลายๆ คนที่ได้ดูอยู่เสมอ ส่วนตัวฉบับนิยายนั้นค่อนข้างหวังยากที่จะมีการ LC ในไทย ตัวอนิเมะก็ได้บริษัท REC หรือ Rose LC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากใครชอบเรื่องนี้ก็เก็บเงินเตรียมตัวซื้อกันได้เลยน่าจะใกล้ออกแล้วนะครับ.




    บทความนี้เขียน โดย @[bAz]
    ตรวจทาน และ อัพขึ้นเว็บไซต์ โดย @หมี

    Anime & Novel『We Love It』